6 เทคนิค สำหรับมือใหม่เริ่มต้นเปิดร้านขายของชำที่ต้องรู้

1.การศึกษาข้อมูล

ก่อนจะเริ่มธุรกิจเราต้องศึกษาหาข้อมูลก่อน ทั้งเรื่องกลุ่มลูกค้า พฤติกรรม ความชอบ ความต้องการ ช่วงเวลา - ระยะเวลาในการซื้อของ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร ต้องการสิ่งของแบบไหน จะได้วางแผนเตรียมตัวซื้อสินค้าได้ถูกต้อง ไม่ต้องเสียเงินซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น - ขายไม่ได้ และไม่เสียเงินค้างสต็อกเยอะ

2.สต็อกสินค้า

ร้านขายของชำ จำเป็นต้องมีการสต็อกสินค้า สำหรับผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ อาจจะคิดไม่ตกว่าแล้วฉันต้องซื้อสินค้าอะไรมาสต็อกบ้าง จันแนะนำว่าให้จัดเป็นหมวดหมู่สินค้า เพื่อง่ายต่อการคิดคำนวณต้นทุน เช่น


• อาหารแห้ง – ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน วุ้นเส้น ปลากระป๋อง ฯลฯ

• เครื่องปรุง – น้ำปลา น้ำส้มสายชู ผงปรุงรส น้ำตาล พริกป่น ซอสปรุงรส ฯลฯ

• เครื่องดื่ม – น้ำเปล่า น้ำชา โซดา น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟกระป๋อง กาแฟซอง นมกล่อง น้ำผลไม้ ฯลฯ

• ขนมลูกอม – ขนมซอง หมากฝรั่ง ช็อกโกแลต ฯลฯ

• ของใช้ส่วนตัว – แป้งทาตัว สบู่ ยาสระผม โรลออน โฟมล้างหน้า ฯลฯ

• ครีมซอง – ครีมทาผิว ครีมกันแดด ครีมบำรุง ฯลฯ

• ของเล่น – ลูกบอล ปืนของเล่น ตุ๊กตา ฯลฯ

• อุปกรณ์ทำความสะอาด – ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาถูพื้น ไม้กวาด ฯลฯ

• อื่นๆ ยาฆ่าแมลง ยากันยุง รองเท้าแตะ ถุงเท้า เครื่องเขียน ฯลฯ

3. แหล่งซัพพลายเออร์

เมื่อเรารู้แล้วว่าในร้านจะขายสินค้าอะไรบ้าง สิ่งที่ต่อมาคือสำรวจว่าแหล่งซัพพลายเออร์ หรือ แหล่งซื้อสินค้า ของเราระยะทางไกลจากร้านขนาดไหน มีเงื่อนไขราคา แตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจรับของจากแหล่งนั้น 

4. การทำบัญชีและภาษี

หลายคนชอบมองข้ามการทำบัญชี เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แค่เปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ ไม่เห็นต้องทำเลย จันจะบอกว่า อย่าคิดแบบนั้นเด็ดขาดนะคะ เพราะการทำบัญชีจะทำให้เรารู้ว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นขาดทุน หรือได้กำไร สินค้าตัวไหนขายดี กำไรดี หรือสินค้าตัวไหนไม่ควรทำมาขายแล้ว นั้นก็จะทำให้คุณสามารถวางแผนเพิ่มยอดขายได้อีก และที่สำคัญการทำบัญชีต้องใช้ในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย ซึ่งการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะคิดจาก รายได้สุทธิ ไม่ใช่รายได้ตลอดทั้งปี สามารถคำนวณได้จาก รายรับ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = รายได้สุทธิเสียภาษี

ซึ่งคุณสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ และเกณฑ์ในการเสียภาษีจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

1. การเสียภาษีแบบเหมา

2. การเสียภาษีแบบใช้จ่ายตามจริง

5.อุปกรณ์ภายในร้าน

ในการเปิดร้านขายของชำนั้น จันได้แบ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาดังต่อไปนี้

1. ชั้นวางสินค้า – ชั้นวางริมผนัง / ชั้นวางกลางห้อง / ชั้นตะกร้า / ชั้นเก็บสต็อกสินค้า / ชั้นวางขวด

2. ตู้แช่หรือตู้ใส่น้ำ – ตู้แช่ 2 ประตู / ตู้ใส่น้ำแข็ง / ตู้แช่ไอศกรีม / ตู้แช่เบียร์วุ้น

3. เคาน์เตอร์คิดเงิน – เคาน์เตอร์ยาว / ชั้นวางบนเ / ตู้หลังเคาน์เตอร์

4. อุปกรณ์เสริม

ซึ่งในการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ มีหลายระดับหลายราคา มือหนึ่ง มือสอง สามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณและรูปแบบการจัดร้าน 

6.การตกแต่งจัดวางสินค้าภายในร้าน

เมื่อเราได้สถานที่ตั้งร้านค้า สินค้าที่จะขาย อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในร้านแล้ว ต่อมาเป็นเรื่องของการตกแต่งจัดวางสินค้าภายในร้าน เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยให้ร้านของคุณดูดีขึ้นแล้วยังมีส่วนช่วยให้คุณเพิ่มยอดได้ เช่น

· ความสูงของแผ่นชั้นวางสินค้าแต่ละชั้นจะต้องพอดีกับส่วนสูงของสินค้าและมีพื้นที่ให้หยิบสินค้าได้

· ทางเดินร้านค้าจะต้องไม่แคบเกินไปจนทำให้ลูกค้าเดินสวนกันไม่ได้

· ไฟภายในร้านจะต้องสว่างทำให้มองเห็นสินค้าชัด หากร้านค้ามืดจะทำให้สินค้าดูเก่าได้

· การจัดเรียงสินค้าบนชั้นวางให้แบ่งตามหมวดหมู่และการใช้งาน

· เคาน์เตอร์คิดเงินจัดวางไว้หน้าร้านตรงทางออกเพื่อเช็คว่าลูกค้าได้จ่ายเงินแล้วค่อยเดินออกจากร้าน



ที่มา

#สอบถามเพิ่มเติม

📲 Line ID @saitarnshop (ใส่@ข้างหน้าด้วยนะคะ)

LINE :👉 http://nav.cx/9px0NLe